ลดแก้มด้วยวิธีทางการแพทย์ ตัวช่วยใบหน้าเรียวสวย

สำหรับหลายคนที่กังวลกับแก้มที่ดูใหญ่หรือหน้าที่ดูไม่เรียว การลดแก้มเป็นหนึ่งในทางเลือกที่หลายคนให้ความสนใจ โดยเฉพาะวิธีทางการแพทย์ที่ให้ผลลัพธ์ชัดเจน ปลอดภัย การลดแก้มด้วยวิธีทางการแพทย์มีหลายเทคนิคที่เหมาะสมกับปัญหาของแต่ละคน โดยมีวิธีการดังต่อไปนี้

1.ฉีดโบท็อกซ์ลดกล้ามเนื้อบริเวณแก้ม
สำหรับคนที่แก้มใหญ่จากกล้ามเนื้อ เช่น กล้ามเนื้อกรามที่ใช้ในการเคี้ยวอาหาร การฉีดโบท็อกซ์ เป็นวิธีที่ช่วยลดขนาดของกล้ามเนื้อบริเวณกราม ทำให้ใบหน้าดูเรียวลงและแก้มเล็กลงโดยไม่ต้องผ่าตัด
•    ระยะเวลาเห็นผล: ประมาณ 2-4 สัปดาห์หลังฉีด
•    ระยะเวลาผลลัพธ์: อยู่ได้นานประมาณ 4-6 เดือน
•    เหมาะกับ: ผู้ที่มีแก้มใหญ่จากกล้ามเนื้อ

2.สลายไขมันแก้มด้วยการฉีดเมโสแฟต
เมโสแฟต (Meso Fat) เป็นการฉีดสารที่ช่วยเร่งการเผาผลาญไขมันเฉพาะจุด เช่น บริเวณแก้ม ให้สลายไขมันส่วนเกินออกจากร่างกาย วิธีนี้เหมาะสำหรับคนที่แก้มใหญ่จากไขมันสะสม
•    ระยะเวลาเห็นผล: ประมาณ 1-2 สัปดาห์
•    ระยะเวลาผลลัพธ์: ขึ้นอยู่กับการดูแลหลังการฉีดและไลฟ์สไตล์
•    เหมาะกับ: ผู้ที่มีไขมันส่วนเกินบริเวณแก้ม

3.ยกกระชับด้วย HIFU หรือ Ulthera
สำหรับคนที่มีปัญหาแก้มหย่อนคล้อยเนื่องจากผิวขาดคอลลาเจน การใช้เทคโนโลยี HIFU (High-Intensity Focused Ultrasound) หรือ Ulthera ที่ส่งพลังงานลงลึกสู่ชั้นผิวเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน สามารถช่วยยกกระชับผิว ทำให้แก้มดูเล็กลงและหน้าเรียวขึ้น
•    ระยะเวลาเห็นผล: ทันทีหลังทำ และดีขึ้นเรื่อย ๆ ภายใน 2-3 เดือน
•    ระยะเวลาผลลัพธ์: อยู่ได้นาน 6-12 เดือน
•    เหมาะกับ: ผู้ที่มีแก้มหย่อนคล้อย

4.ดูดไขมันแก้ม 
วิธีนี้เป็นการผ่าตัดเล็กเพื่อกำจัดไขมันส่วนเกินบริเวณแก้มออก เหมาะสำหรับคนที่มีไขมันบริเวณแก้มหนาและต้องการผลลัพธ์ถาวร
•    ระยะเวลาเห็นผล: เห็นผลชัดเจนหลังการพักฟื้นประมาณ 1-2 เดือน
•    เหมาะกับ: ผู้ที่มีไขมันบริเวณแก้มจำนวนมาก

5.ร้อยไหมกระชับใบหน้า
การร้อยไหมเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยยกกระชับผิวและลดแก้มได้ โดยการใช้ไหมละลายเพื่อดึงผิวให้ยกขึ้น ช่วยปรับโครงหน้าให้เรียวเล็ก
•    ระยะเวลาเห็นผล: เห็นผลทันทีหลังทำ และเข้าที่ใน 1-2 สัปดาห์
•    ระยะเวลาผลลัพธ์: อยู่ได้นาน 6-12 เดือน
•    เหมาะกับ: ผู้ที่ต้องการแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยบริเวณแก้ม

การลดแก้มด้วยวิธีทางการแพทย์เป็นตัวช่วยที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยหากเลือกทำกับสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ การเลือกวิธีที่เหมาะสมต้องอาศัยการประเมินจากแพทย์เฉพาะทาง รวมถึงใส่ใจเรื่องอาหารการกินควบคู่ไปกับการออกกำลังกาย เพื่อลดการเกิดไขมันสะสมในร่างกาย