เมื่อนึกถึงแอปเปิ้ลในประเทศไทย ชนิดแรกที่นึกถึงคงไม่พ้นแอปเปิ้ลแดงหรือแอปเปิ้ลเขียวที่มักพบตามตลาดหรือห้างสรรพสินค้าต่างๆ แต่ยังมีแอปเปิ้ลอีกชนิดที่มีรสชาติอร่อยและสารอาหารเยอะ คือ แอปเปิ้ลเหลือง ถ้าอยากรู้ว่าแอปเปิ้ลเหลืองต่างจากแอปเปิ้ลชนิดอื่นอย่างไร ตามมาดูกันเลยค่ะ
ต้นกำเนิดแอปเปิ้ลเหลือง
เริ่มแรกแอปเปิ้ลเหลืองสายพันธุ์ Golden Delicious เกิดขึ้นจากการนำเมล็ดมาเพาะ โดยอาจเป็นลูกผสมของ Grimes Golden และ Golden Reinette ต้นของมันถูกพบในครอบครัวของ J. M. Mullins ใน Clay County, West Virginia และเป็นที่รู้จักในท้องถิ่นในชื่อ Mullins' Yellow Seedling หลังจากนั้นครอบครัวเขาได้ขายต้นแอปเปิ้ลเหลืองและสิทธิ์ในการเพาะพันธุ์ให้กับ Stark Brothers Nurseries ในราคา 5,000 ดอลลาร์
หลังจากนั้นก็มีการพัฒนาแอปเปิ้ลเหลืองสายพันธุ์ Jonagold ขึ้นมา จากการผสมระหว่าง สายพันธุ์ Golden Delicious และ Jonathan สายพันธุ์นี้ได้เผยแพร่ออกมาอย่างเป็นทางการในปี ค.ศ. 1968 การพัฒนายังไม่จบเพียงเท่านี้ยังมีสายพันธุ์อื่นๆ ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาอีกมากมาย
ความแตกต่างกันของแอปเปิ้ลเหลืองและแอปเปิ้ลสีอื่นๆ
แอปเปิ้ลเหลืองและแอปเปิ้ลสีอื่น ๆ ไม่แตกต่างกันในเชิงพันธุกรรม ทั้งสองสีเป็นสีที่พบในสายพันธุ์ของแอปเปิ้ลและมีคุณสมบัติที่คล้ายคลึงกันในเรื่องของรสชาติ ปริมาณน้ำตาล และความสดชื่น
โดยความแตกต่างของแอปเปิ้ลอยู่ที่ความหวานหรือเปรี้ยวของแต่ละสายพันธุ์ แอปเปิ้ลสีเหลืองมักมีรสชาติที่หวานและเนื้อที่กรอบ ส่วนแอปเปิ้ลสีแดงมักมีความหวานกว่าและเนื้อที่นุ่มนวล แอปเปิ้ลเขียวจะมีรสชาติเปรี้ยวที่สุด
แอปเปิ้ลสีเหลืองยังมีเควอซิติน (Quercetin) เป็นสารสำคัญที่พบในแอปเปิ้ลสีเหลือง ช่วยในการต้านอนุมูลอิสระที่ก่อให้เกิดการทำลายเซลล์ในร่างกาย นอกจากนี้ยังมีประโยชน์ในการลดการอักเสบ บำรุงหัวใจ ลดความเสี่ยงของโรคเบาหวาน ลดความเสี่ยงของมะเร็ง ช่วยในการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน และช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคต้อกระจก
ในประเทศไทยอาจไม่ได้พบแอปเปิ้ลเหลืองกันมากนัก แต่ก็เป็นแอปเปิ้ลชนิดหนึ่งที่มีสารอาหารที่มีประโยชน์และน่าสนใจมากทีเดียว อีกทั้งยังมีสารที่แอปเปิ้ลสีอื่นๆไม่มีและเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพมาก อย่างไรก็ตามถึงผลไม้จะมีประโยชน์ก็ควรทานในปริมาณที่พอดี และออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่ดีกันด้วยนะคะ