“ยุคนี้ถ้าอยากมีหุ่นเพรียวสวยก็ไม่ยาก อ้วนเมื่อไรก็ไปดูดไขมันออกได้” นี่เป็นความคิดที่ผิดอย่างไม่น่าให้อภัยทีเดียว อาจเป็นเพราะรูปแบบการนำเสนอของสื่อต่างๆ ก็ได้ ที่ทำให้หลายคนเข้าใจผิดไปในทำนองว่า การดูดไขมันเป็นการรักษาโรคอ้วน ทำแล้วจะผอมลงโดยไม่ต้องอดอาหารหรือออกกำลังกาย ดูเป็นทางเลือกที่แสนง่ายดาย และใช้เวลาไม่นานเลย แต่รู้หรือไม่ว่าความเข้าใจแบบนี้จะนำมาซึ่งอันตรายที่ร้ายแรงถึงชีวิตได้
การดูดไขมันเหมาะกับคนที่ต้องการกระชับสัดส่วนเท่านั้น
อยากให้ตีความคำว่ากระชับสัดส่วนกันใหม่ คนที่จะใช้บริการดูดไขมันแล้วได้ผลดีนั้น จะต้องมีพื้นฐานรูปร่างที่ดีในระดับหนึ่งก่อน คือออกกำลังกายมาบ้าง หรือพยายามลดน้ำหนักด้วยวิธีอื่นๆ มาบ้างแล้ว แต่เมื่อเวลาผ่านไปก็พบว่า มันมีบางจุดที่ทำยังไงก็ไม่ดีขึ้นเลย แบบนี้เองที่เหมาะจะดูดไขมัน แต่ถ้าเป็นคนที่เข้าสู่ภาวะอ้วนอย่างจริงจัง ชนิดที่เราเรียกได้ว่าเป็นอาการเจ็บป่วยแล้ว จำเป็นจะต้องทำการรักษาแบบอื่นก่อนแล้วค่อยมาปิดท้ายด้วยการดูดไขมัน
เหตุผลที่ทำให้คนอ้วนดูดไขมันไม่ได้
ประเด็นแรกคือ การดูดไขมันในแต่ละครั้งนั้นมีข้อกำหนดเรื่องปริมาณอยู่ เราไม่สามารถดูดไขมันออกทั้งหมดได้ เพราะร่างกายจะรับความเปลี่ยนแปลงไม่ไหว และไขมันบางจุดก็ไม่อาจเอาออกมาได้ด้วยเครื่องมือดูดไขมัน อย่างเช่น ไขมันในช่องท้อง เป็นต้น ทีนี้ถ้าคนอ้วนเลือกที่จะดูดไขมันทันที ผลที่ตามมาก็มีโอกาสที่สัดส่วนจะดูผิดเพี้ยนไป หน้าท้องดูลดขนาดลงแต่ยังมีบางส่วนที่ยื่นออกมา หรือต้นขาที่ไม่สามารถทำให้เรียวเล็กเสมอกันอย่างเป็นธรรมชาติได้ ส่วนใหญ่แล้วแพทย์จะใช้วิธีการวัดค่า BMI ก่อนการดูดไขมัน เพื่อดูดว่าคนไข้จำเป็นต้องเตรียมความพร้อมอะไรก่อนหรือไม่ ถ้าไขมันมีปริมาณสูงมาก และมีไขมันที่ช่องท้องเยอะ อาจจะต้องเลือกลงโปรแกรมออกกำลังกายหรือใช้การผ่าตัดเข้าช่วยก่อน